หนังตะลุง
ศิลปการเล่นเงา (Shadow Play) ที่สืบต่อ กันมาช้านาน แม้ว่าปัจจุบัน การเล่นหนังเสื่อมความนิยมของคนดูลงไป แต่ก็ยังมีการเล่นหนังตะลุงอยู่ตามงานเทศกาลต่าง ๆ ศิลปการเล่นหนังตะลุงคือ การเล่าเรื่อง ผสมผสานกับเงาของรูปหนัง ตะลุงผ่านผ้าขาวบางประกอบดนตรี
องค์ประกอบของหนังตะลุง ๑. คณะหนังตะลุง ประกอบด้วยนายหนังและลูกคู่ ประมาณ 9 – 12 คน สมัยก่อนมีผู้ช่วยนายหนังอีก 2 คน ทำหน้าที่จัดรูปหนัง คอยส่งรูปหนังให้นายหนัง และสามารถเล่นแทนนายหนังได้บางตอน ๒. เครื่องดนตรี ได้แก่ โหม่ง ฉิ่ง กลอง ทับ ปี่ ปัจจุบันมีการใช้เครื่องดนตรีสากลเข้ามาเสริม ทำให้เสียเอกลักษณ์ของหนังตะลุงไป ๓. จอหนัง ทำด้วยผ้าขาวบางความยาว 8 – 9 ศอก ขอบริมด้วยผ้าสีแดงหรือน้ำเงิน มีเชือกสำหรับผูกรายโดยรอบ ๔. โรงหนัง ปลูกแบบยกพื้นสูงประมาณ 2 เมตร กว้างประมาณ 3 เมตร มีหลังคาแบบเพิงหมาแหน ไม่นิยมหันหน้าโรงหนังไปทางทิศตะวันตก ไม่ปลูกคล่อมตอ คันนา แอ่งน้ำ จอมปลวก ระหว่างต้นไม้ใหญ่ เขตป่าช้า ถือว่าไม่เป็นมงคล ๕. รูปหนัง ทำด้วยหนังสัตว์ เช่น หนังวัว หนังควาย หรืออื่น ๆ บ้าง ฉลุระบายสีสวยงาม คณะหนึ่งมีรูปหนัง 100 – 300 ตัว
ขนบนิยมการเล่น หนังตะลุง ๑. พิธีเบิกโรง หนังตะลุงจะ นำอุปกรณ์การแสดงทั้งหมดขึ้นทางหน้าโรงหนัง ส่วนผู้แสดงขึ้นทางหลังโรงหนัง มีการตั้งเครื่อง และเบิกรูปหนังจัดให้เป็นระเบียบ เจ้าภาพจัดหมากพลู ธูปเทียนและอื่นๆ ตามลักษณะของงานให้นายหนัง ทำพิธีเบิกโรง ๒. การโหมโรง คือการบันเลงดนตรีก่อนการ แสดง นายหนังเป็นผู้ประเดิมในการโหมโรงโดยการ ตีกลองนำลูกคู่ ๓. การออกลิงหัวค่ำ หนังโบราณ จะออกลิงหัวค่ำ ก่อนฤาษี ปัจจุบันไม่นิยมอาจมีบ้างในงานแก้บน ๔. ออกฤาษี ฤาษีเป็นตัวแทนครูหนัง เมื่อเชิดรูปออก มักปฏิบัติดังนี้ ตั้งนโม 3 จบ ชุมนุมเทวดา ตั้งบทธรณีสาร ๕. ออกโคหรือพระอิศวร เป็นตัวแทนเทพเจ้าแห่งศิลปการ ร่ายรำ แสดงถึงการรับเอาวัฒนธรรมอินเดียอย่างชัดเจน ๖. ออกรูป(อภิ)ปรายหน้าบท เป็นตัวแทนนายหนัง กล่าวไหว้ครู สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ตลอดจนเจ้าภาพและผู้ชม ๗. บอกเรื่อง มักจะใช้รูปนายขัวญเมื่อง บอกให้ผู้ชมทราบว่าคืนนี้จะแสดงเรื่องอะไร ๘. ตั้งเมือง เป็นการเปิดเรื่องโดยการเอารูปเจ้าเมืองอัน เป็นเมืองสำคัญของเรื่อง แล้วดำเนินเรื่องต่อไปจนกระทั่งเลิก
ศิลปินหนังตะลุง นายหนังตะลุงที่มีชื่อเสียง ในจังหวัดกระบี่ จากอดีตถึงปัจจุบัน มีหลายท่าน เช่น หนังกราย พัฒจันทร์, หนังเย็น โคกยาง, หนังขัน ปกาไส,นายวิริ เนื้อนวล, นายนอง พลเดช เป็นต้น